ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ประกาศกระทรวงมหาดไทย : หลักเกณฑ์การอยู่ในไทยของคนที่ไม่ได้สัญชาติไทย 2560


ประกาศกระทรวงมหาดไทย
เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์การอยู่ในราชอาณาจักรไทยของผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย[1]
                  

โดยที่กฎกระทรวงกำหนดฐานะและเงื่อนไขการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย พ.ศ. 2560 กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย ได้แก่ ฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของบิดาหรือมารดาที่เป็นคุณแก่ผู้เกิดมากกว่า หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ผู้เกิดไม่สามารถเดินทางกลับประเทศที่บิดาหรือมารดามีหรือเคยมีภูมิลำเนาหรือเคยอาศัยอยู่ และหลักเกณฑ์การทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม

อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 และข้อ 3 (2) และ (6) ของกฎกระทรวงกำหนดฐานะและเงื่อนไขการอยู่ในราชอาณาจักรไทยของผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย พ.ศ. 2560 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ออกประกาศกระทรวงมหาดไทย ไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1  กรณีบิดาและมารดาของผู้เกิด เป็นคนต่างด้าวที่มีฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยแตกต่างกัน ให้ถือว่าฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยของบิดาหรือมารดาที่เป็นคุณแก่ผู้เกิดมากกว่า เป็นไปตามลำดับจากมากไปน้อยดังนี้
(1) บิดาหรือมารดาเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(2) บิดาหรือมารดาเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
(3) บิดาหรือมารดาเป็นผู้ได้รับการผ่อนผันให้อาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเพื่อรอการส่งกลับ

ข้อ 2  การพิจารณาว่าผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย ผู้ใดไม่สามารถเดินทางกลับประเทศที่บิดาหรือมารดามีหรือเคยมีภูมิลำเนาหรือเคยอาศัยอยู่ได้ เพื่อคงฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อไป ให้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
(1) ประเทศนั้นไม่รับรองผู้เกิดว่ามีสัญชาติหรือเป็นพลเมืองของประเทศนั้น หรือไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศ
(2) ประเทศนั้นอยู่ในภาวะสงครามและมีความเสี่ยงที่เด็กจะถูกเกณฑ์ไปเข้าร่วมในกองทัพของรัฐ หรือกองกำลังติดอาวุธที่ไม่ใช่กองทัพของรัฐ หรือถูกบังคับให้บริการทางเพศในสภาวะดังกล่าว หรือมีสถานการณ์การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงในประเทศนั้น มีการซ้อมทรมานและใช้ความรุนแรงในการลงโทษ
(3) การกลับไปประเทศนั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพของผู้เกิด ไม่ว่าจะเกิดจากภาวะสงครามหรือสถานการณ์ของความขัดแย้งทางด้านการเมือง เชื้อชาติ ศาสนา ลัทธิความเชื่อ หรือด้วยเหตุใด หรือมีความเสี่ยงที่จะถูกบังคับใช้แรงงานหรือตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์
(4) ผู้เกิดอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาลและหรือมีความเสี่ยงภัยต่อชีวิต หากมีการเคลื่อนย้าย หรือถูกผลักดันออกนอกประเทศตามใบรับรองของแพทย์ผู้รักษาบุคคลดังกล่าว หรือประเทศที่จะส่งผู้เกิดกลับออกไปไม่มีความพร้อมที่จะทำการรักษาบุคคลดังกล่าว
(5) เหตุจำเป็นอื่นตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความเห็นชอบ ตามความเห็นหรือการเสนอแนะของคณะกรรมการกลั่นกรองเกี่ยวกับสัญชาติ

ข้อ 3  การพิจารณาว่าผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทย ผู้ใดทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม เพื่อคงฐานะการอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยต่อไป ให้พิจารณาจากหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
(1) ผู้นั้นจะต้องเคารพกฎหมาย มีระเบียบวินัย รู้รับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความประพฤติดีจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และมีจิตอาสาในการร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมสาธารณะอย่างต่อเนื่อง ชุมชนหรือสังคมให้การยอมรับ สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับเด็กและเยาวชนอื่น
(2) กระทำการในเรื่องที่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมสาธารณะหรือประเทศชาติ ทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม ศาสนา จริยธรรม การศึกษา การกีฬา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การพลังงาน สิ่งแวดล้อม และอื่น ๆ มีผลงานหรือการกระทำเป็นที่ประจักษ์หรือได้รับการยอมรับจากชุมชน สังคม หรือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าผู้นั้นจะเคยได้รับเกียรติบัตรหรือรางวัลใด ๆ จากผลงานหรือการกระทำนั้นหรือไม่ก็ตาม

ข้อ 4  ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามประกาศฉบับนี้ และให้มีอำนาจวินิจฉัยปัญหา และแก้ไขอุปสรรคเพื่อปฏิบัติการให้เป็นไปตามประกาศฉบับนี้


ประกาศ ณ วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560
พลเอก อนุพงษ์  เผ่าจินดา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย








พิมพ์มาดา/อัญชลี/จัดทำ
4 ธันวาคม 2560




[1] ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 134/ตอนพิเศษ 292 ง/หน้า 8/27 พฤศจิกายน 2560


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ระเบียบกระทรวงมหาดไทย : กรรมการหมู่บ้านฯ 2551

ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการหมู่บ้าน การปฏิบัติหน้าที่และการประชุมของคณะกรรมการหมู่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๑                         อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๕ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และมาตรา ๒๘ ตรี แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ (ฉบับที่ ๑๑) พ.ศ. ๒๕๕๑ อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา ๒๙ ประกอบกับมาตรา ๓๔ และมาตรา ๓๘ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑  ระเบียบนี้เรียกว่า  “ ระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยหลักเกณฑ์การเป็นกรรมการหมู่บ้าน การปฏิบัติหน้าที่และการประชุมของคณะกรรมการหมู่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๑ ” ข้อ ๒ [ ๑]   ระเบียบนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัด...

ระเบียบกระทรวง มท : การช่วยเหลือเจ้าพนักงาน ชรบ. 2551

ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการช่วยเหลือเจ้าพนักงานของหน่วยกำลังคุ้มครอง และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในหมู่บ้าน พ.ศ. ๒๕๕๑                    ด้วยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดอื่น ๆ ที่มีสถานการณ์ด้านความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย จังหวัดและอำเภอได้มีการจัดตั้งชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน ทั้งในหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง และหมู่บ้านปกติ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยอย่างมีประสิทธิภาพ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๓๔ และที่แก้ไขเพิ่มเติม ประกอบกับมาตรา ๙๔ มาตรา ๙๕ และมาตรา ๑๐๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และมาตรา ๑๖ และมาตรา ๑๘ แห่งพระราชบัญญัติจัดระเบียบบริหารหมู่บ้านอาสาพัฒนาและป้องกันตนเอง พ.ศ. ๒๕๒๒ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจึงออกระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑  ระเบียบนี้เรียกว่า  “ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการช่วยเหลือเจ้าพนักงานของหน่วยก...

สรุป : พรบ.ปกครองท้องที่ 2457 (KPI)

เรียบเรียงโดย  : อาจารย์บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ และคณะ ผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความ  : รศ.ดร.ปธาน สุวรรณมงคล การปกครองท้องที่ เริ่มต้นในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  ด้วยทรงมีพระราชดำริให้มีการจัดระเบียบการปกครองระดับ “หมู่บ้าน” ที่มีมาแต่เดิมขึ้นใหม่ เพราะทรงเล็งเห็นว่าการปกครองในระดับนี้จำเป็นและสำคัญยิ่งใน การบริหารราชการแผ่นดิน  เนื่องจากเป็น หน่วยการปกครองที่ใกล้ชิดกับราษฎรมากที่สุด โดยได้ทรงให้มีการทดลองจัดระเบียบการปกครองตำบล หมู่บ้าน ขึ้นที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อ ร.ศ. 111 (พ.ศ. 2435) โดยให้ราษฎรเลือก ผู้ใหญ่บ้านแทนการแต่งตั้งโดย เจ้าเมือง  ต่อมาจึงได้มีการจัดระเบียบการปกครองตำบล หมู่บ้าน ตามหัวเมืองต่างๆ โดยตราเป็น พระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ ร.ศ. 116  (พ.ศ.2440) ซึ่งถือเป็น กฎหมายลักษณะปกครองท้องที่ ฉบับแรกของประเทศไทย จนถึงสมัย รัชกาลที่ 6  ได้มีการตราพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พ.ศ. 2457 ขึ้นใช้บังคับแทน [1] เนื้อหา  [ ซ่อน ]  1 ความสำคัญของลักษณะการปกครองท้องที่ 2 หมู่บ้...