กฎกระทรวง
กำหนดการสอบสวนคดีอาญาบางประเภท
ในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร
โดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง
พ.ศ. 2554
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5
แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548
อันเป็นกฎหมายที่มีบทบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล
ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34 มาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 41
มาตรา 45 และมาตรา 56 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย
นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออกกฎกระทรวงไว้ ดังต่อไปนี้
(1) กฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน
(2) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า
(3) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการเรี่ยไร
(4) กฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
(5) กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
(6) กฎหมายว่าด้วยการศึกษาภาคบังคับ
(7) กฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
(8) กฎหมายว่าด้วยบัตรประจำตัวประชาชน
(9) กฎหมายว่าด้วยภาษีบำรุงท้องที่
(10) กฎหมายว่าด้วยภาษีป้าย
(11) กฎหมายว่าด้วยภาษีโรงเรือนและที่ดิน
(12)
กฎหมายว่าด้วยยศและเครื่องแบบผู้บังคับบัญชาและเจ้าหน้าที่กองอาสารักษาดินแดน
(13) กฎหมายว่าด้วยโรงรับจำนำ
(14) กฎหมายว่าด้วยโรงแรม
(15) กฎหมายว่าด้วยสัตว์พาหนะ
(16) กฎหมายว่าด้วยสุสานและฌาปนสถาน
ข้อ 3 ในกรณีที่การกระทำความผิดอาญาตามกฎหมายในข้อ 2
เป็นการกระทำกรรมเดียวที่เป็นความผิดตามกฎหมายอื่นด้วย
ถ้าความผิดอาญาตามกฎหมายในข้อ 2 เป็นความผิดที่มีโทษหนักที่สุด
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองทำการสอบสวนการกระทำความผิดอาญาตามกฎหมายอื่นนั้นด้วย
ข้อ 4 ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดแต่งตั้งปลัดอำเภอผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ
ที่ว่าการกิ่งอำเภอหรือที่ว่าการอำเภอเป็นพนักงานสอบสวนสำหรับกิ่งอำเภอหรืออำเภอนั้น
ให้ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้าประจำกิ่งอำเภอหรือนายอำเภอ
เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนตามมาตรา 18 วรรคสี่ และเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามมาตรา
140 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ในกรณีที่มีเหตุอันสมควร ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด
หรือปลัดจังหวัดซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดมอบหมาย
จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนตามมาตรา 18 วรรคสี่
และเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตามมาตรา 140
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาในคดีใดคดีหนึ่งที่อยู่ในท้องที่กิ่งอำเภอหรืออำเภอที่อยู่ในจังหวัดนั้นก็ได้
ผู้ว่าราชการจังหวัดอาจขอให้อธิบดีกรมการปกครองแต่งตั้งพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองในสังกัดกรมการปกครองไปร่วมสอบสวนในคดีใดคดีหนึ่งที่อยู่ในท้องที่กิ่งอำเภอ
อำเภอ หรือจังหวัดก็ได้
ข้อ 5 ในกรณีจำเป็นหรือมีเหตุอันสมควร
ผู้ว่าราชการจังหวัดใดอาจประสานขอให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดแต่งตั้งพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจซึ่งมีอำนาจสอบสวนในจังหวัดนั้นเข้าทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองในท้องที่กิ่งอำเภอ
อำเภอ หรือจังหวัดก็ได้
ข้อ 6 ในการสอบสวนโดยปกติให้ใช้ที่ว่าการกิ่งอำเภอ ที่ว่าการอำเภอ
หรือศาลากลางจังหวัดที่อยู่ในเขตท้องที่กิ่งอำเภอ อำเภอ หรือจังหวัดนั้น
แล้วแต่กรณี เป็นสถานที่ทำการสอบสวน
เว้นแต่เมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเพื่อความสะดวกจะไปทำการสอบสวนที่ใดก็ได้ตามที่เห็นสมควร ทั้งนี้ ให้บันทึกเหตุดังกล่าวไว้ในสำนวนการสอบสวนด้วย
ข้อ 7[3] ในกรณีจำเป็นจะต้องควบคุมผู้ต้องหาไว้ในระหว่างสอบสวน
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองควบคุมผู้ต้องหาไว้ ณ
ที่ทำการของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง เว้นแต่ไม่มีสถานที่ควบคุมเช่นว่านั้น
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมอบตัวผู้ต้องหาฝากควบคุมไว้ ณ
สถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่ทำการของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองตั้งอยู่และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมไว้
ข้อ 8 การสั่งคำร้องขอให้ปล่อยชั่วคราวให้เป็นไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
และให้นำหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราวของสำนักงานอัยการสูงสุดและสำนักงานตำรวจแห่งชาติมาใช้บังคับ
โดยอนุโลม เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้
ข้อ 9 ในคดีที่มีผู้ร่วมกระทำความผิดหลายคนและเป็นคดีที่พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองได้พยายามสืบสวนสอบสวนหาพยานหลักฐานอย่างเต็มความสามารถแล้ว
แต่ไม่อาจหาพยานหลักฐานในคดีนั้นได้
หรือพยานหลักฐานที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด
หรือบางส่วนได้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองอาจพิจารณากันผู้ต้องหาซึ่งไม่ใช่ตัวการสำคัญไว้เป็นพยาน ทั้งนี้
การพิจารณาดังกล่าวให้คำนึงถึงความน่าเชื่อถือของพยานและประโยชน์แห่งคดีด้วย
ในการกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยานตามวรรคหนึ่ง
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองทำความเห็นโดยระบุเหตุผลและความจำเป็นเพื่อขออนุญาตเสนอต่อหัวหน้าพนักงานสอบสวนและผู้ว่าราชการจังหวัดตามลำดับ
ในกรณีที่ผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นควรอนุญาต
ให้ทำหนังสือเพื่อขอความเห็นจากพนักงานอัยการก่อนที่จะพิจารณาอนุญาต
และเมื่อพนักงานอัยการให้ความเห็นแล้ว
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองถือปฏิบัติตามความเห็นของพนักงานอัยการ
ในกรณีที่พนักงานอัยการให้ความเห็นว่าควรอนุญาต
ให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองกันผู้ต้องหาไว้เป็นพยาน
และให้สรุปสำนวนมีความเห็นควรสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหานั้น
ข้อ 10 เมื่อพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองเห็นว่าการสอบสวนเสร็จแล้ว
ให้เสนอสำนวนการสอบสวนพร้อมด้วยความเห็นต่อหัวหน้าพนักงานสอบสวนโดยมิชักช้า
และให้หัวหน้าพนักงานสอบสวนเป็นผู้ดำเนินการตามมาตรา 140
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
ข้อ 11 เมื่อไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำความผิด
ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบงดการสอบสวนหรือทำความเห็นที่ควรให้งดการสอบสวนตามมาตรา
140 (1) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) ความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่เกินสามปี
และได้สืบสวนสอบสวนติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าสามเดือนนับตั้งแต่วันที่รับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ
ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบงดการสอบสวนและบันทึกเหตุที่งดนั้นไว้
(2) ความผิดอาญาที่มีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงเกินกว่าสามปี
และได้สืบสวนสอบสวนติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่าหกเดือนนับตั้งแต่วันที่รับคำร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ
ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบทำความเห็นที่ควรให้งดการสอบสวน
ให้พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบตาม (1) หรือ (2)
ส่งสำนวนพร้อมด้วยบันทึกเหตุที่งดการสอบสวนหรือความเห็นที่ควรให้งดการสอบสวน
แล้วแต่กรณี ไปยังพนักงานอัยการ
ข้อ 12 ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
อธิบดีกรมการปกครอง รองอธิบดีกรมการปกครอง ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง
ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวน และนิติการ กรมการปกครอง
และผู้อำนวยการส่วนและหัวหน้ากลุ่มงานในสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง
มีอำนาจควบคุม ตรวจตราหรือแนะนำเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปตามกฎหมาย
ในระดับจังหวัด ให้ผู้บังคับบัญชาฝ่ายปกครองตั้งแต่ปลัดจังหวัดขึ้นไป
มีอำนาจควบคุม ตรวจตรา หรือแนะนำเพื่อให้การสอบสวนเป็นไปตามกฎหมาย
ข้อ 13 คดีอาญาใดที่ได้ดำเนินการสอบสวนไปก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ
ให้ดำเนินการต่อไปตามข้อบังคับกระทรวงมหาดไทย
ว่าด้วยระเบียบการสอบสวนคดีอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2520
จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ให้ไว้ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2554
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นายกรัฐมนตรี
ชวรัตน์ ชาญวีรกูล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 5
แห่งพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477
ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2548 บัญญัติให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมีอำนาจออกกฎกระทรวง
เพื่อวางระเบียบการงานตามหน้าที่ให้การดำเนินคดีอาญาเป็นไปโดยเรียบร้อย ทั้งนี้
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่ของตน ประกอบกับมาตรา 18 วรรคหนึ่ง
แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
(ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2496
บัญญัติให้พนักงานฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่และปลัดอำเภอมีอำนาจสอบสวนความผิดอาญาในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครได้
และเพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจของกระทรวงมหาดไทยในการรักษาความสงบเรียบร้อย
การอำนวยความเป็นธรรม และให้การบังคับใช้กฎหมายตามภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
สมควรกำหนดให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองทำการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานคร
รวมทั้งทำการสอบสวนร่วมกับพนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
กฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555[4]
ข้อ 4 คดีอาญาใดที่ได้ดำเนินการสอบสวนอยู่ในวันก่อนวันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับให้ดำเนินการสอบสวนต่อไปตามกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง
พ.ศ. 2554 จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
หมายเหตุ :-
เหตุผลในการประกาศใช้กฎกระทรวงฉบับนี้ คือ
โดยที่ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการพนันกฎหมายว่าด้วยสถานบริการ
และกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง
และสิ่งเทียมอาวุธปืน มีสถิติการเกิดคดีสูง ซึ่งอาจเกี่ยวพันกับอาชญากรรมร้ายแรง
สมควรแก้ไขให้พนักงานสอบสวนฝ่ายตำรวจสอบสวนในความผิดดังกล่าว
และเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ควบคุมผู้ต้องหา
สมควรแก้ไขโดยกำหนดข้อยกเว้นให้พนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองมอบตัวผู้ต้องหาฝากควบคุมไว้
ณ
สถานีตำรวจแห่งท้องที่ที่ทำการของพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครองตั้งอยู่และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการควบคุมไว้ จึงจำเป็นต้องออกกฎกระทรวงนี้
ปริยานุช/ผู้จัดทำ
20
มิถุนายน 2554
ณัฐวดี/ตรวจ
20
มิถุนายน 2554
ณัฐพร/ผู้ปรับปรุง
18
มกราคม 2556
[2] ข้อ 2
แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
[3] ข้อ 7
แก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวงกำหนดการสอบสวนความผิดอาญาบางประเภทในจังหวัดอื่นนอกจากกรุงเทพมหานครโดยพนักงานสอบสวนฝ่ายปกครอง
(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น