พระราชบัญญัติ
วินัยกองอาสารักษาดินแดน
พ.ศ. ๒๕๐๙
ในพระปรมาภิไธย
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
สังวาลย์
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
ให้ไว้ ณ วันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๐๙
เป็นปีที่ ๒๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยวินัยกองอาสารักษาดินแดน
พระมหากษัตริย์โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติวินัยกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๕๐๙”
มาตรา ๓ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
หมวด ๑
วินัย
มาตรา ๔ วินัย คือการที่ต้องประพฤติหรือปฏิบัติตามข้อบังคับ ระเบียบและแบบธรรมเนียมของกองอาสารักษาดินแดน
มาตรา ๕ ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เฉพาะในขณะที่รวมกันอยู่เป็นหมู่ หมวด กองร้อย หรือในเวลาปฏิบัติงานตามหน้าที่ ต้องรักษาวินัยตามที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้โดยเคร่งครัด ผู้กระทำผิดวินัยต้องรับทัณฑ์ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๒
มาตรา ๖ การกระทำผิดวินัยให้รวมถึงการกระทำต่อไปนี้ด้วย คือ
(๑) ดื้อดึง ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่
(๒) ไม่รักษาระเบียบการเคารพระหว่างผู้ใหญ่ผู้น้อย
(๓) ไม่รักษามรรยาทให้ถูกต้องตามแบบธรรมเนียมของกองอาสารักษาดินแดน
(๔) ก่อให้เกิดการแตกแยกความสามัคคีในกองอาสารักษาดินแดน
(๕) เกียจคร้าน ละทิ้ง หรือเลินเล่อต่อหน้าที่
(๖) กล่าวเท็จต่อผู้บังคับบัญชา
(๗) ใช้กิริยาวาจาไม่สมควรหรือประพฤติไม่สมควร
(๘) ไม่ตักเตือนสั่งสอน หรือไม่ลงทัณฑ์ผู้อยู่ในบังคับบัญชาที่กระทำผิดตามโทษานุโทษ
(๙) เสพสุรายาเมาจนเสียกิริยา หรือเสพยาเสพติดให้โทษ
(๑๐) กระทำด้วยประการใด ๆ เป็นเชิงบังคับผู้บังคับบัญชาเป็นทางทำให้เสียวินัยกองอาสารักษาดินแดน
มาตรา ๗ ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่สอดส่องอบรมเจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนให้ประพฤติหรือปฏิบัติตนอยู่ในวินัยโดยเคร่งครัด
หมวด ๒
การลงทัณฑ์
มาตรา ๘ ทัณฑ์ที่จะลงแก่ผู้กระทำผิดวินัย มีสามสถาน
(๑) ภาคทัณฑ์
(๒) ทัณฑกรรม
(๓) กักบริเวณ
มาตรา ๙ ภาคทัณฑ์ ใช้สำหรับลงแก่ผู้กระทำผิดวินัย แต่มีเหตุอันควรปรานี โดยแสดงความผิดของผู้นั้นให้ปรากฏไว้เป็นหนังสือ และจะให้ทำทัณฑ์บนไว้ด้วยก็ได้
มาตรา ๑๐ ทัณฑกรรม ใช้สำหรับลงแก่ผู้กระทำผิดวินัย โดยให้ทำงานสุขาภิบาล งานโยธา หรืองานอื่นทำนองเดียวกันเพิ่มจากหน้าที่ประจำซึ่งตนจะต้องปฏิบัติอยู่แล้ว
มาตรา ๑๑ กักบริเวณ ใช้สำหรับลงแก่ผู้กระทำผิดวินัย โดยกักตัวไว้ในบริเวณหนึ่งบริเวณใดตามแต่จะกำหนดให้
มาตรา ๑๒ ห้ามลงทัณฑ์อย่างอื่นนอกจากทัณฑ์ที่ได้บัญญัติไว้ในมาตรา ๘ และให้ลงทัณฑ์ได้เพียงสถานเดียว
มาตรา ๑๓ ผู้ใดมีอำนาจเป็นผู้ลงทัณฑ์ชั้นใด และผู้ใดเป็นผู้รับทัณฑ์ชั้นใด ให้เป็นไปตามตารางชั้นผู้ลงทัณฑ์และผู้รับทัณฑ์ และตารางกำหนดทัณฑ์ท้ายพระราชบัญญัตินี้
ผู้รักษาการในตำแหน่ง ผู้รักษาการแทน หรือผู้ทำการแทนในตำแหน่งใด ให้ถือเสมือนเป็นผู้ดำรงตำแหน่งนั้น แต่ถ้าผู้นั้นมียศตั้งแต่ชั้นนายหมู่ลงมา จะใช้อำนาจของตำแหน่งผู้บังคับหมวดขึ้นไปในการลงทัณฑ์ดังกล่าวไม่ได้
ผู้ที่เป็นว่าที่ยศชั้นใด ให้ถือเสมือนมียศชั้นนั้น
มาตรา ๑๔ ผู้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่ และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน เฉพาะในเวลาปฏิบัติงานตามหน้าที่อยู่ในบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารตามกฎหมายว่าด้วยกองอาสารักษาดินแดน ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารเป็นผู้มีอำนาจลงทัณฑ์ตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย
เจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารผู้ใด จะมีตำแหน่งเป็นผู้บังคับบัญชาชั้นใด มีอำนาจเป็นผู้ลงทัณฑ์ชั้นใด ให้ถือเกณฑ์ตามตารางเกณฑ์เทียบชั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารผู้มีอำนาจลงทัณฑ์ท้ายพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๕ ก่อนที่จะลงทัณฑ์ผู้ใดให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นอย่างน้อยสามคนเพื่อทำการสอบสวน ผู้เป็นประธานกรรมการต้องมียศสูงกว่าผู้ถูกสอบสวน และผู้ที่เป็นกรรมการต้องมียศไม่ต่ำกว่าผู้ถูกสอบสวน
ในกรณีที่ผู้กระทำผิดได้กระทำผิดต่อหน้าผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งลงทัณฑ์ หรือได้รับสารภาพต่อผู้บังคับบัญชานั้น ให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งลงทัณฑ์ สั่งลงทัณฑ์ได้โดยไม่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวน
มาตรา ๑๖ การสั่งลงทัณฑ์ผู้ใด ต้องพิจารณาให้ได้ความชัดเสียก่อนว่า ผู้นั้นได้กระทำผิดจริงแล้วจึงสั่งลงทัณฑ์ตามควรแก่ความผิดนั้น และในคำสั่งลงทัณฑ์ให้แสดงความผิดว่ากระทำผิดวินัยตามมาตราใดและข้อใด
มาตรา ๑๗ การสั่งลงทัณฑ์ผู้มียศตั้งแต่ชั้นนายหมวดขึ้นไป ให้ผู้สั่งลงทัณฑ์รายงานตามลำดับชั้นจนถึงผู้บัญชาการ
มาตรา ๑๘ ถ้าผู้กระทำผิดจะต้องได้รับทัณฑ์เกินกว่าอำนาจที่ผู้บังคับบัญชาชั้นใดจะสั่งลงทัณฑ์ได้ ให้รายงานชี้แจงแสดงความผิดของผู้กระทำผิด ตลอดจนความเห็นในการที่จะสั่งลงทัณฑ์ เสนอไปตามลำดับชั้นจนถึงผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจสั่งลงทัณฑ์ได้ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชานั้นพิจารณาสั่งการต่อไป
มาตรา ๑๙ เมื่อผู้มีอำนาจได้สั่งลงทัณฑ์ผู้ใดแล้ว ผู้บังคับบัญชาที่มีอำนาจเหนือผู้สั่งลงทัณฑ์อาจสั่งเพิ่มทัณฑ์ ลดทัณฑ์ หรือยกทัณฑ์เสียก็ได้ ในกรณีสั่งเพิ่มทัณฑ์ ทัณฑ์ที่สั่งเพิ่มขึ้นนั้น รวมกับทัณฑ์ที่สั่งไว้แล้วต้องไม่เกินอำนาจของผู้ที่สั่งเพิ่ม
หมวด ๓
การร้องทุกข์
มาตรา ๒๐ เมื่อผู้อยู่ในบังคับบัญชาเห็นว่าผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจ หรือสั่งลงทัณฑ์ในทางที่ผิด หรือไม่เป็นธรรมหรือผิดกฎหมาย ระเบียบแบบธรรมเนียมหรือวินัยกองอาสารักษาดินแดน หรือเห็นว่าตนเสียประโยชน์หรือสิทธิตามที่ควรได้ ให้มีสิทธิร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาเหนือขึ้นไปหนึ่งชั้นได้
ในกรณีที่ผู้ร้องทุกข์ไม่ทราบชัดว่าตนได้รับความเดือดร้อนจากผู้ใด ให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาโดยตรงของตน เพื่อเสนอต่อไปตามลำดับชั้นจนถึงผู้ที่จะสั่งการไต่สวนและแก้ไขความเดือดร้อนนั้นได้
มาตรา ๒๑ การร้องทุกข์ให้ทำเป็นหนังสือมีรายละเอียดและเหตุผลโดยชัดเจน พร้อมด้วยลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์ คำร้องทุกข์ฉบับใดไม่มีลายมือชื่อผู้ร้องทุกข์ จะรับพิจารณามิได้ แต่ถ้าร้องทุกข์ด้วยวาจา ให้ผู้รับคำร้องทุกข์บันทึกข้อความสำคัญของเรื่องที่ร้องทุกข์นั้นไว้ พร้อมกับลงวัน เดือน ปี และลายมือชื่อผู้รับคำร้องทุกข์ แล้วอ่านให้ผู้ร้องทุกข์ฟังตามที่จดไว้และให้ผู้ร้องทุกข์ลงลายมือชื่อไว้
มาตรา ๒๒ การร้องทุกข์จะกระทำได้แต่สำหรับตนเองเท่านั้น ห้ามร้องทุกข์แทนผู้อื่น และห้ามลงชื่อรวมกัน หรือเข้ามาร้องทุกข์พร้อมกันหลายคน และห้ามประชุมกันเพื่อหารือเรื่องจะร้องทุกข์
มาตรา ๒๓ ห้ามร้องทุกข์ในเวลาที่ตนกำลังเข้าแถว หรือในขณะที่กำลังทำหน้าที่อย่างหนึ่งอย่างใด และห้ามร้องทุกข์ก่อนยี่สิบสี่ชั่วโมงนับแต่ที่มีเหตุร้องทุกข์เกิดขึ้น
มาตรา ๒๔ ห้ามร้องทุกข์ว่าผู้บังคับบัญชาลงทัณฑ์หนักเกินไป ถ้าหากว่าผู้บังคับบัญชานั้นมิได้ลงทัณฑ์เกินอำนาจที่จะกระทำได้ตามที่บัญญัติไว้ในหมวด ๒
มาตรา ๒๕ เมื่อผู้ใดร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาตามระเบียบดังกล่าวแล้ว และเวลาล่วงพ้นไปเจ็ดวันยังมิได้รับคำชี้แจงประการใด ทั้งความเดือดร้อนก็ยังไม่ปลดเปลื้องไป ให้ร้องทุกข์ใหม่ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นสูงถัดขึ้นไปเป็นลำดับอีก และในการร้องทุกข์ครั้งนี้ให้ชี้แจงด้วยว่า ได้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นใดมาแล้วแต่เมื่อใด
มาตรา ๒๖ ให้ผู้บังคับบัญชาที่ได้รับคำร้องทุกข์รีบไต่สวน และแก้ความเดือดร้อน หรือชี้แจงให้ผู้ร้องทุกข์เข้าใจโดยด่วน จะเพิกเฉยเสียไม่ได้ ผู้ใดเพิกเฉยให้ถือว่ากระทำผิดวินัยกองอาสารักษาดินแดน
มาตรา ๒๗ เมื่อผู้บังคับบัญชาที่ได้รับคำร้องทุกข์ได้ชี้แจงแก่ผู้ร้องทุกข์แล้ว หากผู้ร้องทุกข์ยังไม่หมดสงสัย ก็ให้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือขึ้นไปได้ ในการร้องทุกข์ครั้งนี้ให้ชี้แจงด้วยว่า ได้ร้องทุกข์ต่อผู้บังคับบัญชาชั้นใดและได้รับคำชี้แจงอย่างใด
มาตรา ๒๘ ในกรณีที่ปรากฏว่าข้อความที่ร้องทุกข์เป็นความเท็จ หรือการร้องทุกข์กระทำไปโดยฝ่าฝืนบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าผู้ร้องทุกข์กระทำผิดวินัยกองอาสารักษาดินแดน
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ถนอม กิตติขจร
นายกรัฐมนตรี
ตารางชั้นผู้ลงทัณฑ์และผู้รับทัณฑ์
ตำแหน่ง
|
เป็นผู้ลงทัณฑ์
ชั้น
|
เป็นผู้รับทัณฑ์
ชั้น
|
ผู้บัญชาการ
|
๑
|
-
|
รองผู้บัญชาการ
|
๒
|
-
|
ผู้ช่วยผู้บัญชาการ
|
๓
|
-
|
ผู้บังคับการจังหวัด
|
๔
|
ก
|
รองผู้บังคับการจังหวัด
|
๕
|
ข
|
ผู้บังคับกองร้อย
|
๖
|
ค
|
รองผู้บังคับกองร้อย
|
๗
|
ง
|
ผู้บังคับหมวด
|
๘
|
จ
|
จ่ากองร้อย
|
-
|
ฉ
|
ผู้บังคับหมู่
|
-
|
ช
|
สมาชิกประเภทประจำกอง
|
-
|
ซ
|
ตารางเกณฑ์เทียบชั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร
ผู้มีอำนาจลงทัณฑ์ตามมาตรา ๑๔
ตำแหน่ง
|
เกณฑ์เทียบ
|
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
|
ผู้บัญชาการ
|
แม่ทัพ
|
รองผู้บัญชาการ
|
ผู้บัญชาการกองพล ผู้บังคับการกองเรือ
ผู้บัญชาการกองพลบิน
|
ผู้ช่วยผู้บัญชาการ
|
ผู้บังคับการกรม ผู้บังคับหมวดเรือ
| |
ผู้บังคับกองบิน
|
ผู้บังคับการจังหวัด
|
ผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการเรือชั้น ๑
| |
ผู้บังคับฝูงบิน หรือผู้บังคับการเรือชั้น ๒
|
รองผู้บังคับการจังหวัด
|
ต้นเรือชั้น ๑ ผู้บังคับหมวดบินชั้น ๑
| |
ผู้บังคับกองร้อย ผู้บังคับการเรือชั้น ๓
| |
ต้นเรือชั้น ๒ ผู้บังคับหมวดบินชั้น ๒
|
ผู้บังคับกองร้อย
|
ผู้บังคับหมวด ต้นเรือชั้น ๓ ผู้บังคับ
หมวดบินชั้น ๓
|
รองผู้บังคับกองร้อย
|
ตารางกำหนดทัณฑ์
ผู้ลงทัณฑ์
|
ทัณฑกรรม
|
กักบริเวณ
| |||||||||
ผู้รับทัณฑ์
|
ผู้รับทัณฑ์
| ||||||||||
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
ก
|
ชั้น
ข
|
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
|
ชั้น
| |
ฉ
|
ช
|
ซ
|
ค
|
ง
|
จ
|
ฉ
|
ช
|
ซ
| |||
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
|
วัน
| |
ชั้น ๑
|
๓
|
๓
|
๓
|
๒๐
|
๓๐
|
๔๕
|
๖๐
|
๖๐
|
๙๐
|
๙๐
|
๑๒๐
|
ชั้น ๒
|
๓
|
๓
|
๓
|
๑๕
|
๒๐
|
๓๐
|
๔๕
|
๔๕
|
๖๐
|
๖๐
|
๙๐
|
ชั้น ๓
|
๓
|
๓
|
๓
|
๗
|
๑๐
|
๑๕
|
๒๐
|
๒๐
|
๔๕
|
๔๕
|
๖๐
|
ชั้น ๔
|
๓
|
๓
|
๓
|
-
|
-
|
๓
|
๗
|
๗
|
๑๕
|
๑๕
|
๒๐
|
ชั้น ๕
|
๓
|
๓
|
๓
|
-
|
-
|
-
|
๕
|
๕
|
๑๐
|
๑๐
|
๑๕
|
ชั้น ๖
|
๒
|
๒
|
๒
|
-
|
-
|
-
|
๓
|
๓
|
๗
|
๗
|
๑๐
|
ชั้น ๗
|
-
|
๒
|
๒
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
๓
|
๓
|
๗
|
ชั้น ๘
|
-
|
๑
|
๑
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
๒
|
๕
|
หมายเหตุ
๑. กำหนดทัณฑ์ในตารางนี้ คือกำหนดที่สูงสุด ผู้ลงทัณฑ์จะสั่งเกินกำหนดนี้ไม่ได้ แต่ต่ำกว่าได้
๒. ทัณฑกรรมที่กำหนดไว้เป็นวัน ๆ หมายความว่า ทำทัณฑกรรมทุก ๆ วันจนกว่าจะครบกำหนด ในวันหนึ่งนั้นผู้ที่สั่งลงทัณฑ์จะกำหนดทัณฑกรรมได้ไม่เกินวันละ ๖ ชั่วโมง แต่ถ้าให้อยู่เวรยามในวันหนึ่งต้องไม่เกินกำหนดระยะเวลาอยู่เวรยามตามปกติ ผู้ใดจะสั่งลงทัณฑกรรมให้กำหนดโดยชัดเจนว่า ทัณฑกรรมกี่วัน วันละกี่ชั่วโมง
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา ๑๐ แห่งพระราชบัญญัติกองอาสารักษาดินแดน พ.ศ. ๒๔๙๗ กำหนดว่า วินัยและการลงโทษผู้กระทำผิดวินัยของเจ้าหน้าที่และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยวินัยกองอาสารักษาดินแดน จึงได้ตราพระราชบัญญัติวินัยกองอาสารักษาดินแดนขึ้น
วันทิตา/แก้ไข
วศิน/ตรวจ
๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น