พระราชบัญญัติ
ควบคุมการเรี่ยไร
พุทธศักราช ๒๔๘๗
ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล
คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์
(ตามประกาศประธานสภาผู้แทนราษฎร
ลงวันที่ ๔ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๐
และวันที่ ๑๖ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๘๔)
อาทิตย์ทิพอาภา
ปรีดี พนมยงค์
ตราไว้ ณ วันที่ ๑๑ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๘๗
เป็นปีที่ ๑๑ ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติว่า
สมควรปรับปรุงกฎหมายควบคุมการเรี่ยไรให้รัดกุมยิ่งขึ้น
จึงมีพระบรมราชโองการให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภาผู้แทนราษฎร
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๓ นับแต่วันใช้พระราชบัญญัตินี้ ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติควบคุมการเรี่ยไร
พุทธศักราช ๒๔๘๐ และบรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับซึ่งขัดแย้งกับพระราชบัญญัตินี้
“การเรี่ยไร” หมายความรวมตลอดถึงการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้ หรือบริการ
ซึ่งมีการแสดงโดยตรงหรือโดยปริยาย ว่ามิใช่เป็นการซื้อขาย แลกเปลี่ยน ชดใช้
หรือบริการธรรมดา
แต่เพื่อรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาทั้งหมดหรือบางส่วนไปใช้ในกิจการอย่างใดอย่างหนึ่งนั้นด้วย
“ยุทธภัณฑ์” หมายความว่า
ยุทธภัณฑ์ตามความหมายแห่งกฎหมายว่าด้วยการควบคุมยุทธภัณฑ์
“สิ่งพิมพ์” หมายความว่า
สิ่งพิมพ์ตามความหมายแห่งกฎหมายว่าด้วยการพิมพ์
(๑) การเรี่ยไรเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาให้หรือชดใช้แก่จำเลย
เพื่อใช้เป็นค่าปรับ เว้นแต่จะเป็นการเรี่ยไรในระหว่างวงศ์ญาติของจำเลย
(๒)
การเรี่ยไรโดยกำหนดเก็บเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นอัตราโดยคำนวณตามเกณฑ์ปริมาณสินค้า
ผลประโยชน์ หรือวัตถุอย่างอื่น
(๓) การเรี่ยไรอันอาจเป็นเหตุให้เสื่อมทรามแก่ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน
(๔)
การเรี่ยไรอันอาจเป็นเหตุกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงถึงทางสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ
(๕)
การเรี่ยไรเพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้แก่ต่างประเทศ
มาตรา ๖ การเรี่ยไรซึ่งอ้างว่าเพื่อประโยชน์แก่ราชการ
เทศบาลหรือสาธารณประโยชน์จะจัดให้มีได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรแล้ว
ความในวรรคก่อนมิให้ใช้บังคับแก่การเรี่ยไรซึ่งกระทรวง
ทบวงหรือกรมเป็นผู้จัดให้มี
มาตรา ๗ ให้มีคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
ประกอบด้วยปลัดกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นประธานโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นคือ
ผู้แทนกระทรวงกลาโหมหนึ่งคน ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการหนึ่งคน
ผู้แทนกระทรวงการสาธารณสุขหนึ่งคน ผู้แทนกระทรวงการคลังหนึ่งคน ผู้แทนกรมตำรวจหนึ่งคน
และผู้แทนกรมมหาดไทยหนึ่งคน กรรมการต้องมาประชุมไม่น้อยกว่าสี่คนจึงเป็นองค์ประชุม
มาตรา ๘ การเรี่ยไรในถนนหลวงหรือในที่สาธารณะ การเรี่ยไรโดยโฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์
ด้วยวิทยุกระจายเสียง หรือด้วยเครื่องเปล่งเสียง
จะจัดให้มีหรือทำได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว
ข้อความในวรรคก่อนนี้มิให้ใช้บังคับแก่
(๑)
การเรี่ยไรซึ่งได้รับอนุญาตหรือได้รับยกเว้นตามมาตรา ๖
(๒)
การเรี่ยไรเพื่อกุศลสงเคราะห์ในโอกาสที่บุคคลชุมนุมกันประกอบศาสนกิจ
(๓) การเรี่ยไรโดยขายสิ่งของในงานออกร้าน
หรือในที่นัดประชุมเฉพาะแห่งอันได้จัดให้ขึ้นโดยชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งผู้ได้รับอนุญาตให้มีการออกร้าน
หรือผู้จัดให้มีการนัดประชุมเป็นผู้จัดให้มีขึ้น
มาตรา ๙ เมื่อมีผู้ขอรับอนุญาตตามมาตรา ๖
คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรมีอำนาจสั่งไม่อนุญาต หรือสั่งอนุญาตโดยกำหนดเงื่อนไข
(๑)
จำนวนเงินหรือทรัพย์สินอื่นอย่างสูงที่ให้เรี่ยไรได้
(๒)
เขตหรือสถานที่และเวลาที่อนุญาตให้ทำการเรี่ยไร
(๓) วิธีการเก็บรักษาและทำบัญชีเงิน
หรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้
(๔) วิธีทำการเรี่ยไร
ในกรณีที่สั่งอนุญาต
ให้คณะกรรมการกำหนดวันสิ้นอายุแห่งใบอนุญาตไว้ด้วย และในกรณีที่สั่งไม่อนุญาต
ให้แจ้งและแสดงเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบ
มาตรา ๑๐ เมื่อมีผู้ขอรับอนุญาตตามมาตรา ๘ ให้นำความในมาตรา ๙ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
แต่ถ้าสั่งไม่อนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งและแสดงเหตุผลให้ผู้ขออนุญาตทราบภายในกำหนดสิบวัน
นับแต่วันได้รับคำร้องขอ
ในกรณีที่สั่งไม่อนุญาต
ผู้ขออนุญาตมีสิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งของพนักงานเจ้าหน้าที่ภายในกำหนดสิบห้าวัน
นับแต่วันได้ทราบคำสั่งไม่อนุญาต
การยื่นอุทธรณ์ในจังหวัดพระนครและธนบุรีให้ยื่นต่อคณะกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งขึ้น
ในจังหวัดอื่นให้ยื่นต่อคณะกรมการจังหวัด
คำชี้ขาดของคณะกรรมการหรือคณะกรมการจังหวัด แล้วแต่กรณี ให้เป็นที่สุด
(๑) บุคคลมีอายุต่ำกว่า ๑๖ ปี
(๒) บุคคลผู้มีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
ผู้ไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ
(๓) บุคคลเป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจ
(๔) บุคคลผู้เคยต้องโทษฐาน ลักทรัพย์
วิ่งราวทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ โจรสลัด กรรโชก ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์
รับของโจรหรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายลักษณะอาญา และพ้นโทษมาแล้วยังไม่ครบห้าปี
(๕)
บุคคลที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่ามีความประพฤติหรือหลักฐานไม่น่าไว้ใจ
มาตรา ๑๒ บุคคลผู้ได้รับอนุญาตให้ทำการเรี่ยไรต้องมีใบอนุญาตติดตัวอยู่ในขณะทำการเรี่ยไร
และต้องให้เจ้าหน้าที่หรือบุคคลผู้ประสงค์จะเข้าส่วนในการเรี่ยไรตรวจดู
เมื่อเจ้าหน้าที่หรือบุคคลนั้นเรียกร้อง
ในกรณีการเรี่ยไรซึ่งได้รับอนุญาตให้จัดทำประจำที่
ผู้รับอนุญาตต้องแสดงใบอนุญาตไว้ ณ ที่ทำการเรี่ยไรให้เห็นได้โดยชัดเจน
มาตรา ๑๓ ในการรับเงินหรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้
ต้องออกใบรับให้แก่ผู้บริจาคกับมีต้นขั้วใบรับไว้เป็นหลักฐาน
และให้ผู้จัดให้มีการเรี่ยไรประกาศยอดรับและจ่ายเงินและทรัพย์สินให้ประชาชนทราบเป็นครั้งคราวตามสมควร
และเมื่อได้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินนั้นหมดไปแล้ว ให้ประกาศยอดบัญชีอีกครั้งหนึ่ง
มาตรา ๑๔ ห้ามมิให้จ่ายเงินหรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้มานั้นในกิจการอย่างอื่นนอกวัตถุประสงค์แห่งการเรี่ยไรตามที่ได้แสดงไว้
เว้นแต่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายพอสมควรในการเรี่ยไรนั้นเอง
มาตรา ๑๕ เงินหรือทรัพย์สินที่เรี่ยไรได้มานั้น
ถ้าไม่ต้องจ่ายเพราะไม่อาจดำเนินการตามวัตถุประสงค์แห่งการเรี่ยไรตามที่ได้แสดงไว้
หรือเหลือจ่ายเพราะเหตุใด ๆ
ให้ผู้จัดให้มีการเรี่ยไรรายงานให้คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไร
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ แล้วแต่กรณี ทราบ
และให้คณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจสั่งให้ส่งเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าว
แล้วไปประกอบการกุศลหรือสาธารณประโยชน์อย่างหนึ่งอย่างใดตามแต่เห็นควร
ถ้าผู้จัดให้มีการเรี่ยไรตายลงเสียก่อน
ให้หน้าที่ของผู้จัดให้มีการเรี่ยไรดังกล่าวในวรรคก่อน
ตกเป็นของผู้ครอบครองเงินและทรัพย์สินดังกล่าวแล้ว
มาตรา ๑๖ ในการเรี่ยไรห้ามมิให้ใช้ถ้อยคำหรือวิธีการใด ๆ
ซึ่งเป็นการบังคับผู้ถูกเรี่ยไรโดยตรงหรือโดยปริยาย หรือซึ่งจะทำให้ผู้ถูกเรี่ยไรเกิดความหวาดหวั่นหรือเกรงกลัว
มาตรา ๑๗ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๕ มาตรา ๖ วรรคแรก มาตรา ๘ วรรคแรก
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๑๘ ผู้ใดทำผิดเงื่อนไขในการอนุญาต
ซึ่งคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรกำหนดตามมาตรา ๙
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่กำหนดตามมาตรา ๑๐ หรือฝ่าฝืนมาตรา ๑๒
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท
มาตรา ๑๙ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ มาตรา ๑๕
มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๒๐ ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา ๑๖ มีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือทั้งปรับทั้งจำ
มาตรา ๒๑ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และกิจการอย่างอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
จอมพล ป. พิบูลสงคราม
นายกรัฐมนตรี
ปัทมา/แก้ไข
วศิน/ตรวจ
๕ มีนาคม ๒๕๕๓
ฐิติพร/ปรับปรุง
๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๖
ปณตภร/ตรวจ
๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๖
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น